หลายคนต่างอยากมีผิวขาวสุขภาพดี อมชมพู หน้าใสไม่มีรอยดำ และรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว  trend ผิวขาวใส หน้าขาวใส ตอนนี้ก็มาแรง ในหมู่สาวๆ ที่รักสวย รักงาม ที่ชอบหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาทดลอง มาบำรุงผิวของตัวเองอยู่เสมอ สาวๆ หลายคนที่ชอบจะมี ผิวขาวใส แบบเร่งด่วนกันก็เยอะ สรรหาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาวมาลองใช้กัน บางคนใช้เท่าไหร่ก็ไม่ขาว หรือขาวแต่ก็ไม่เป็นธรรมาชาติ สาวๆ ทุกข์ใจไม่น้อยกับการเลือกผลิตภัณฑ์ วันนี้ ทีมนักจิจัย Vitamaker มีคำแนะนำดีๆมาฝาก ว่าจะทำอยากไรถึงจะได้สวยสมใจ แบบปลอดภัย ด้วยสารสกัดธรรมชาติที่ใช้แล้วเห็นผลจริง ขาวจริง และปลอดภัยด้วยจ้า จะช้าอยู่ใย มาดูกันเลย

 

 

1. Acerola cherry (อะเซโรลา เชอร์รี่)

อะเซโรลา เชอร์รี่

จะเล่าให้ฟังนะจ๊ะ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเจ้าตัวนี้  อะเซโรลา เชอร์รี่ เป็นผลไม้หน้าตาคล้ายลูกเชอร์รี่ มีสีแดงอมส้ม รสออกเปรี้ยว เมืองไทยหายากหน่อย ส่วนมากเห็นมีขายเยอะที่ญี่ปุ่นคะ และร่ำลือกันว่าอะเซโรลา เชอร์รี่นี้ให้วิตามินสูงกว่าส้ม 30 – 80 เท่าเลยทีเดียว ดังนั้นอะเซโรลา เชอร์รี่จึงเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินธรรมชาติสูง จึงนิยมนำมาประยุกต์ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมความงามและอาหารเสริมต่างๆ เพื่อผิวขาว หน้าใส เช่น ผงขัดผิว สบู่/เจลล้างหน้า คอลลาเจน หรือเป็นส่วนผสมในครีมและเครื่องสำอางต่างๆ เป็นต้น

2. มะขามป้อม

 


เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคนไทย  มะขามป้อมจัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและเป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งเพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีสูงมากเช่นกัน ในผลมีสารป้องกันการเกิดออกซิไดซ์วิตามินซี ทำให้วิตามินซีคงตัวอยู่ได้นาน โดยประโยชน์มะขามป้อมหรือสรรพคุณมะขามป้อมนั้นมีมากมาย สามารถต้านอนุมูลอิสระได้ดีมาก แม้ว่ามะขามป้อมจะมีวิตามินซีสูงมากแต่ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมิได้เกิดจากวิตามินซีเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันพบว่าในมะขามป้อมมีสารพวกแทนนินซึ่งประกอบด้วย emblicanin A 37% emblicanin B 33% punigluconin 12% และ peduculagin 14% ที่ช่วยปกป้องผิวจากการถูกทำลาย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ช่วยบำรุงผิวให้ขาว สว่างใสขึ้น และยังใช้ เป็นยารักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย

3. ฟักข้าว

ฟักข้าว

 

เป็นพันธุ์ไม้เก่าแก่ของเอเชีย แต่พบมากโดยเฉพาะแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  มีลักษณะคล้ายรูปไข่กลมรี ที่เปลือกมีหนามเล็ก ๆ อยู่รอบผล ผลอ่อนจะมีสีเขียวอมเหลือง แต่เมื่อสุกแล้วผลจะมีสีแดงหรือสีส้มอมแดง ผลสุกเนื้อจะเป็นสีเหลือง มีเยื่อกลางหุ้มเมล็ดเป็นสีแดง ส่วนที่นักวิจัยนำมาวิจัย พบว่าผลของฟักข้าวรวมถึงเนื้อเยื่อหุ้มเมล็ดที่มีสีแดงสดมีคุณค่าทางโภชนาสูงผลฟักข้าวประกอบด้วย สารเบตาแคโรทีนสูงมาก มากกว่าแครอทถึง 10 เท่า นอกจากนี้ผลของฟักข้าวยังอุดมไปด้วยสารไลโคปีน และกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง มีการสกัดเอาสารสำคัญเหล่านี้เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำเครื่องสำอางสำหรับใช้บนใบหน้าเพื่อชะลอความเหี่ยวย่นบนใบหน้า เนื่องจากสารสำคัญเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูง

4. กลูตาไธโอน

กลูตาไธโอน

 

อยากที่หลายคนทราบกันดีเกี่ยวกับกลูตาไธโอน ว่าทำให้ขาว ใส โดยในทางการแพทย์สารกลูตาไธโอนมีการนำมาใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับระบบเส้นประสาทบกพร่อง เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อม ซึ่งมีผลข้างเคียงในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากเม็ดสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว จึงทำให้มีการแตกตื่นนำกลูตาไธโอนมาใช้เป็นยาเม็ดอาหารเสริม เพื่อชะลอวัย และหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู แต่ในความเป็นจริง การทานกลูตาไธโอนมากไม่ได้ดีอย่างที่คิด ทานมากมักไม่ได้ผล เพราะสารชนิดนี้จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกาย ไม่ถูกดูดซึม อย่างไรก็ตามอาการข้างเคียงของผิวขาวเป็นอาการชั่วคราวเท่านั้น จึงไม่ควรใช้ยานี้ในทางที่ผิด แต่ๆ…สาวๆอย่าเพิ่งตกใจไป  สาวๆสามารถ ทานกลูตาไธโอนในแบบธรรมชาติจะดีกว่า เพราะเจ้ากลูตาไธโอนพบมากในผลไม้ ได้แก่ แตงโม สตรอเบอรี่ องุ่น ผลอโวกาโด ส่วนในผักพบมากใน หน่อไม้ฝรั่ง สำหรับเนื้อสัตว์จะพบได้ใน ปลา และเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ดังนั้นควรเลือกรับประทานจากธรรมชาติดีกว่าที่จะหลงไปใช้สารนี้อย่างผิดๆ และขาดความเข้าใจนะจ๊ะสาวๆ

5. โคเอนไซม์คิวเทน

Q10

 

สาวๆ อาจจะเคยได้ยินชื่อสารตัวนี้ส่วนประกอบของพวกครีมบำรุงผิวต่างๆ โคเอนไซม์ คิวเทน หรือ โคคิว 10 หรืออีกชื่อหนึ่งคือ ยูบิควิโนน (Ubiquinone) เป็นสารคล้ายวิตามินที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการสร้างพลังงานพื้นฐานของเซลล์ อันจะส่งผลให้เนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ  และ Q10 เป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant) และเป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง ดังนั้นจึงนำ Q10 มาใช้เป็นเครื่องสำอางสำหรับลดการเกิดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังจากแสงแดด ทำให้ริ้วรอยนั้นตื้นขึ้นได้ โดยให้กลุ่มทดลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 อยู่ 0.3% ทารอบดวงตาเป็นเวลานาน 6 เดือน พบว่า ความลึกของริ้วรอยลดลงถึง 27%  คำแนะนำในการรับประทาน คือ 30 มิลลิกรัมต่อวัน แต่สำหรับคนที่มีอาการโรคชรา หรือโรคอื่นๆ ควรรับประทานในขนาดมากขึ้นคือ 50–100 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อผลในการรักษาโรค หากทานในขนาดที่สูงเกินไปอาจมีอาการทางด้านระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย แสบร้อนในอก และไม่สบายท้องได้

 

     เป็นอย่างไรกันบ้างสาวๆ กับสุดยอดสารสกัดทึ่ทำให้ผิวขาว ที่ทางทีมงาน Vitamaker นำมาฝากในวันนี้ ใครอยากผิวสวย ขาว เปล่งปลั่ง ก็ลองเลือกทานสารสกัดทั้ง 5 ตัวที่เราแนะนำ กันดูนะค่ะ แต่..เราขอเตือนในเรื่องของปริมาณในการรับประทานหรือการนำมาใช้ สารสกัดเหล่านี้ด้วยนะค่ะ  ควรใช้ให้เหมาะสม และควรปฎิษัติตามคะแนะนำของแพทย์แย่างเคร่งคัดด้วยนะจ๊ะสาวๆ

บริษัท ไวต้าเมคเกอร์ จำกัด
สอบถามข้อมูลหรือปรึกษาการผลิตเครื่องสำอางค์ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
91/3 ถนนสุวินทวงศ์ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 10510
โทร. 02-107-1606
แฟกซ์. 02-107-0110
E-mail : info@vitamaker.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *